FastBox ใช้งานไม่ยากอย่างที่คิด
1. Log in
เข้าใช้งานระบบ Fastbox Fulfillment ผ่านหน้า https://app.fastbox.co โดยกรอก E-mail และ Password จากนั้นกดปุ่ม Sign In เพื่อเข้าสู่ระบบ
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/1.jpg)
2. Dashboard
ภาพรวมทั้งหมดภายในระบบ โดยมีทั้งหมด 5 ส่วน ดังนี้
- Total Product คือ จำนวนสินค้าทั้งหมดที่มีภายในระบบ
- Low Stock คือ จำนวนสินค้าที่มีจำนวนของในคลังน้อยกว่า 15 ชิ้น
- Total Shipments คือ จำนวนรายการที่ต้องการนำของออกส่งให้ลูกค้า
- Warehouse คือ รายการคลังสินค้าที่มีการนำสินค้าไปเก็บไว้ โดยมีรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อคลังสินค้า ประเทศที่ตั้งคลังสินค้า จำนวนสินค้า
- Shipment คือ รายการที่ต้องการนำสินค้าส่งให้ลูกค้าที่ประเทศปลายทาง
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/2.jpg)
3. Shipment
3.1 Shipment List
รายการคำสั่งที่สร้างขึ้น เพื่อนำของออกจากคลังสินค้าไปส่งยังลูกค้าที่ประเทศปลายทาง โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับรายการคำสั่ง ดังนี้
– Shipment number คือ หมายเลขรายการคำสั่ง
– Ref number คือ หมายเลขที่ใช้ในการอ้างอิง
– Buyer name คือ ชื่อผู้ซื้อ
– Quantity คือ จำนวนสินค้าในรายการ
– Delivery fees คือ ค่าขนส่งสินค้าไปยังปลายทาง
– Status คือ สถานะของขบวนการส่งสินค้า
– Tracking number คือ เลขสำหรับใช้ในการตรวจสอบสถานะพัสดุ
– Create Date คือ วันที่สร้างรายการคำสั่ง
– Delivery method คือ วิธีการส่ง เช่น FastShip Express, UPS
– Destination country คือ ประเทศปลายทางที่นำส่งสินค้า
– Action คือ สิ่งที่ต้องการกระทำกับรายการนั้นๆ เช่น ดู แก้ไข ลบ
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/3-1.jpg)
นอกจากดูรายการคำสั่งที่สร้างขึ้นแล้ว ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้การจัดการง่ายขึ้นอีก คือ ปุ่มด้านบนของตาราง 2 ปุ่ม ดังนี้
– Export to Excel สามารถ Export ไฟล์ข้อมูลออกมาในรูปแบบของไฟล์ Excel ได้
– Create Shipment เมื่อกดปุ่มนี้ จะไปยังหน้า Create Shipment เพื่อสามารถสร้างรายการคำสั่งได้ทันที
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/3a-1.jpg)
3.2 Create Shipment
หน้าสำหรับสร้างรายการ เพื่อนำสินค้าส่งไปให้ลูกค้ายังประเทศปลายทาง
โดยแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้
3.2.1 ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับปลายทาง ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ ของผู้รับปลายทาง
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/4.jpg)
3.2.2 ใส่ข้อมูลพัสดุที่ต้องการส่ง โดยกำหนด 1 แถวต่อ 1 SKU ซึ่งแต่ละแถวต้องกรอกข้อมูล ดังนี้
– SKU คือ รหัสสินค้า
– Product Name คือ ชื่อสินค้า
– Note คือ สิ่งที่ต้องการจดเพิ่มเติม
– Qty คือ จำนวนพัสดุที่ต้องการส่งของ SKU นั้น
หากต้องการส่งสินค้าหลาย SKU ในรอบเดียวกัน สามารถเพิ่มได้ โดยการกดปุ่ม +Add more
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/5.jpg)
4. Product
4.1 Product List
รายการสินค้าในระบบ โดยกำหนด 1 แถวต่อ SKU มีรายละเอียด ดังนี้
– Image คือ รูปสินค้าของ SKU นั้น
– SKU คือ รหัสสินค้า
– Product Name คือ ชื่อสินค้า
– Stock On Hand คือ จำนวนสต๊อกสินค้าในระบบ ที่พร้อมในการส่งออก
– Action คือ สิ่งที่ต้องการกระทำกับรายการนั้นๆ เช่น ดู แก้ไข ลบ
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/6.jpg)
อีกหนึ่งฟังก์ชันที่ช่วยในการจัดการ คือ Export to excel สามารถนำไฟล์ออก
มาได้ในรูปแบบ Excel (.xlsx)
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/7.jpg)
4.2 Add Product
หน้าสำหรับเพิ่มสินค้า โดยแบ่งรายละเอียดข้อมูลออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้
4.2.1 Product Information คือ ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า
– SKU คือ รหัสสินค้า
– Product Name คือ ชื่อสินค้า
– Category คือ ประเภทหรือหมวดหมู่ของสินค้า
– Description คือ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า
– Product Image คือ รูปภาพสินค้าที่ไฟล์นามสกุล .jpg .png ควรจะมีขนาดไม่เกิน 600×600 pixel และมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 1 MB
4.2.2 Specification คือ ข้อมูลเฉพาะของสินค้าเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนัก โดยข้อมูลให้คิดจากข้อมูลกล่องที่ใส่สินค้านั้นๆ
– Width คือ ความกว้างของกล่องสินค้า ในหน่วย เซนติเมตร (cm)
– Height คือ ความสูงของกล่องสินค้า ในหน่วย เซนติเมตร (cm)
– Length คือ ความยาวของกล่องสินค้า ในหน่วย เซนติเมตร (cm)
– Weight คือ น้ำหนักของกล่องสินค้า ในหน่วย กรัม (gram)
4.2.3 Price คือ ราคาของสินค้า โดยกำหนดราคาได้ 3 รูปแบบ
– Cost คือ ราคาต้นทุน
– Wholesale คือ ราคาขายส่ง
– Retail คือ ราคาขายปลีก
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/8.jpg)
5. Warehouse
5.1 Delivery note
ประวัติการนำของเข้าหรือนำของออกจากคลังสินค้า
มีรายละเอียด ดังนี้
– Item number คือ รหัสของการจัดการคลังสินค้า
– Total qty คือ จำนวนทั้งหมด
– Warehouse name คือ ชื่อคลังสินค้า
– Destination country คือ ประเทศปลายทาง
– Pickup type คือ ประเภทการขนส่ง
– Status คือ สถานะของการจัดการคลังสินค้า
– Create date คือ วันที่สร้างรายการ
– Action คือ สิ่งที่ต้องการกระทำกับรายการนั้นๆ เช่น ดู ลบ
หากต้องการนำสินค้าเข้าคลังสินค้าเพิ่ม สามารถกดที่ปุ่ม Sent Inventory คือ การนำของเข้า จะไปยังหน้า Stock in
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/9.jpg)
5.2 Stock in
การนำของเข้าคลังสินค้า โดยใส่ข้อมูล 2 ส่วนหลัก ดังนี้
5.2.1 Add Product คือ การเพิ่มสินค้าที่ต้องการนำเข้าคลังสินค้า สามารถนำเข้าทีละหลาย SKU ได้ โดยการกดปุ่ม Add more เพื่อเพิ่มสินค้าอื่นๆ
5.2.2 Pickup Method คือ วิธีในการนำสินค้าเข้าคลังสินค้า มี 2 แบบ
– FastBox pickup at your site คือ FastBox บริการเข้ารับถึงที่ มีค่าบริการ 500 บาทต่อครั้ง
– Drop at FastBox คือ นำของมาส่งที่ FastBox ไม่มีค่าใช้จ่าย
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/10.jpg)
6. Report
6.1 Best Seller
หน้าสำหรับดูรายการสินค้าที่ขายดี โดยรายละเอียด ได้แก่ รูปภาพสินค้า จำนวน รหัสสินค้า และชื่อสินค้า
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/11.jpg)
6.2 Low Stock
หน้าสำหรับตรวจสอบว่า สินค้าชิ้นไหนมีสต๊อกน้อยกว่า 20 ชิ้น เพื่อที่จะได้ทำการเพิ่มสินค้าให้เตรียมพร้อมขาย โดยแต่ละแถวบอกรายละเอียด ได้แก่ รูปภาพสินค้า รหัสสินค้า ชื่อสินค้า คลังสินค้า ประเทศปลายทาง และจำนวนสินค้าที่มีในคลัง โดยแบ่งเป็น 2 แบบ ดังนี้
– Stock On hold คือ จำนวนสินค้าในระบบที่ถูกทำรายการสั่งเข้ามาและเตรียมส่งออก
– Stock On hand คือ จำนวนสินค้าในระบบที่สามารถสั่งได้และพร้อมส่งออก
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/12.jpg)
7. Import
7.1 Import Product SKU
เพิ่มรายการสินค้าใหม่ ผ่านการอัพโหลดไฟล์ Excel (.xlsx) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง แล้วทำการกรอกข้อมูลของสินค้าที่ต้องการเพิ่มลงไปในตาราง
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/13.jpg)
7.2 Import Inventory
เพิ่มจำนวนของสินค้าที่ต้องการส่งเข้าคลังผ่านการอัพโหลดไฟล์ Excel (.xlsx) ซึ่งสามารถโหลดไฟล์ตัวอย่างมา กรอก SKU และจำนวนที่ต้องการอัพเดท
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/15.jpg)
8. Billing
รายการค่าใช้จ่าย โดยแต่ละแถวแบ่งตาม Shipment ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
Bill คือ เลขรายการชำระเงิน
First mile คือ ค่าเข้ารับพัสดุ
Storage cost คือ ค่าพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า
Pick & Pack คือ ค่าหยิบและห่อ
Last mile คือ ค่าส่งออก
Total คือ รวมยอดทั้งหมดที่ต้องชำระ
Action คือ สิ่งที่ต้องการกระทำกับรายการนั้นๆ เช่น ดู ลบ
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/16.jpg)
9. My Account
รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
9.1 Information
ข้อมูลส่วนตัวทั่วไป เช่น ชื่อ อีเมล์ เบอร์โทรศัพท์ บริษัท เป็นต้น
9.2 Address for receiving goods
ข้อมูลที่อยู่ ส่วนนี้จะเป็นค่าตั้งต้นที่นำไปใช้เมื่อมีการให้ FastBox เข้ารับพัสดุมาไว้ยังคลังสินค้าของ FastBox
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/17.jpg)
10. Log out
คลิกที่เมนู Log Out เพื่อออกจากระบบ
![](https://fastbox.co/wp-content/uploads/2019/08/18.jpg)